วันพฤหัสบดีที่ 12 เมษายน พ.ศ. 2555

Solanin

ดูแบบไม่รู้อะไรเลย การ์ตูนต้นฉบับก็ไม่เคยอ่าน ตอนแรกนึกว่าเป็นหนังนักดนตรี พอเปิดมาชั่วโมงแรกกลายเป็นหนัง slice of life เลยเซอร์ไพรส์และชอบมาก เรื่องราวเกี่ยวกับเด็กจบใหม่ที่ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกัน (อาโออิ มิยาซากิ กับ เคนโงะ โคระ) ฝ่ายชายเคยมีความฝันอยากเป็นนักดนตรี ถึงจะยังคอยซ้อมวงกับเพื่อนๆ แต่โลกแห่งความเป็นจริงทำให้เขาต้องทำงานพาร์ทไทม์ ส่วนฝ่ายหญิงก็ต้องไปเป็น Office Lady นางเอกบรรยายชีวิตตัวเองอย่างเจ็บปวดมากว่า “ฉันไม่รู้จะใช้ชีวิตอย่างไร แต่ฉันก็ใช้วันเวลาแต่ละวันไป เหมือนถูกอาบยาพิษ” ถึงครึ่งแรกของหนังจะมีอาการกุ๊กกิ๊กๆ ง้องแง้งๆ ตามสไตล์หนังญี่ปุ่นบ้าง แต่ก็รู้สึกว่ามันสมจริง หนังนำเสนออาการล่องๆ ลอยๆ ไม่รู้จะไปทางไหนได้ดีมากๆ Generation Y, Z น่าจะอินในพาร์ทนี้ได้ไม่ยาก

พอครึ่งหลังเป็นส่วนดราม่า ว่าด้วยการก้าวพ้นความตายของคนรัก ก็อาจจะชอบหนังน้อยลง เพราะหลายมุกมันค่อนข้างซ้ำๆ ในหนังแนวทางนี้ และหลายฉากก็ดูจงใจ แต่สิ่งที่ดีมันไม่พยายามจะบีบเค้นอะไรจากคนดูเลย (พูดให้เห็นภาพง่ายๆ มันเป็นหนังที่อยู่คนละฟากฝั่งกับหนังตระกูล Always แบบสามล้านปีแสง) และพอถึงฉากไคลแม็กซ์ ของเรื่อง (ตามรูป) ที่ อาโออิ มิยาซากิ ร้องเพลงธีมของหนัง เราก็ให้อภัยสิ่งที่ไม่ชอบทุกอย่างในหนังได้ทันที ดูแล้วแบบ ตาย ตาย ตาย ตาย ตาย ตาย ตายไปเลย มิยาซากิเล่นฉากนี้ดีจริงๆ คือ ณ จุดนั้นเราไม่สนใจแล้วว่าเธอจะเล่นกีต้าร์เองมั้ย เธอจะร้องเพลงเองจริงหรือเปล่า แต่การแสดงทางสีหน้าของเธอในฉากนี้มันเด็ดขาดจริงๆ จากที่เธอยิ้ม กลายเป็นเศร้า กลายเป็นร้องไห้ ฯลฯ ...Miyazaki-san! I have loved you for so long and I will love you until the end of the world!

อีกสิ่งที่ชอบมากคือการตัดสินใจลุกขึ้นมาร้องเพลงของนางเอก ไม่ได้ไปในทางซาบซึ้งประเภท “ฉันจะทำเพื่อสานฝัน/ทำให้ฝันของคนรักเป็นจริง” อะไรแบบนั้นเลย เธอร้องเพลงก็เพื่อจะปลดปล่อยตัวเองเท่านั้น แล้วก็เป็นเรื่องที่ดีมากว่าการร้องเพลงกลายเป็น event อย่างหนึ่ง หลังจากฉากไคลแม็กซ์ไปแล้ว วงดนตรี/การร้องเพลงไม่ได้รับการพูดถึงอีกเลย อย่างไรก็ดี มีจุดที่เราซึ้งมากว่า เพลงธีม Solanin ในเรื่อง พระเอกแต่งขึ้นเพื่อ ‘บอกลา’ ตัวตนเก่าของตัวเองเพื่อจะเริ่มต้นชีวิตใหม่กับคนรัก แต่ในฉากท้ายเรื่อง การที่นางเอกร้องเพลงนี้ มันคือการบอกลาตัวตนเก่าของตัวเองเช่นกัน แต่ด้วยความหมายที่ต่างออกไป นั่นคือการเป็นคนใหม่ที่ต้องมีชีวิตอยู่ในโลกนี้โดยไม่มีคนรักอีกต่อไป